ขั้นตอนการสร้างสรรค์งานปูนปั้น
1.การเตรียมปูน
การหมักปูน ปูนขาวแช่น้ำสารส้มหมักทิ้งไว้ในถังหมักปูนระยะเวลาประมาณ 1 เดือน เพื่อลดความเค็มของปูน
การร่อนปูนนำปูนที่หมักไว้ตามระยะเวลา
1 เดือน จนได้ที่แล้วนำมาร่อนบนตะแกรงไม้ ขณะที่ปูนยังเปียกอยู่โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเศษปูนก้อนใหญ่
หรือสิ่งที่ปนเปื้อนมากับปูนขาวออกจะทำให้ปูนที่ได้มีเนื้อละเอียดมากยิ่งขึ้น
แล้วหมักในน้ำจืดอีกประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเค็มของปูน
การตากปูนนำปูนที่ได้จากการหมักครั้งที่สองมาตากให้แห้ง
วิธีการตากปูนต้องทําให้เป็น ก้อนๆพอประมาณ ไม่ใหญ่จนเกินไป
เพื่อที่ปูนจะได้แห้งเร็ว ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เมื่อปูนแห้งดีแล้ว นำมาเก็บไว้ในถังสำหรับเก็บปูนก้อน
การบดปูนนำปูนก้อนมาใส่เครื่องบด
โดยมีส่วนผสมปูน 1 กระป๋อง (ประมาณ 3 ลิตร) กาวหนัง 2 แก้ว กระดาษฟางที่ผ่านการทำมาแล้ว
1 แก้ว ต่อการบด 1 ครั้ง โดยใช้เวลาการบดประมาณ 10 นาที เมื่อบดได้ที่แล้วนำออกจากเครื่องบดปูน
ภาพ ปูนที่ผ่านกระบวนการตำ พร้อมสำหรับการปั้น |
นำปูนที่ผ่านการบดแล้วมาตำโดยใช้เวลาตำปูนเวลาประมาณ
1 ชั่วโมง เพื่อให้ปูนมีความเหนียวนุ่ม ในขณะที่ตำ
ช่างปูนปั้นจะต้องคอยสังเกตเองว่า ปูนที่ตำได้ที่ตามต้องการหรือยัง เมื่อตำปูนได้ที่แล้ว
นำไปใส่ถุงพลาสติก มัดปากถุงให้แน่น เพื่อรักษาความชื่นไว้พร้อมที่จะนำไปผลิตชิ้นงานต่อไป
ปูนที่ตำเก็บไว้ แล้วจะคงสภาพอ่อนอยู่อย่างนั้น
แต่จะต้องไม่ให้อากาศเข้าไปในถุงได้ เมื่อช่างจะใช้ก็นำไปใช้ได้ทันที ส่วนใหญ่
จะใส่ถุงพลาสติกแช่ไว้ในน้ำ เวลาจะใช้ค่อยนำออกไปใช้เพื่อมิให้ปูนแข็งตัว ( มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี, 2560)
2.
การขึ้นโครงแบบงานปูนปั้น มี 2 ลักษณะ
ภาพ การขั้นโครงเเบบ |
ภาพ การโกลนปูน
|
ภาพ เทวดาที่ปั้นเสร็จ
|
2.1.
ภาพนูนลอย (แบบลอยตัว)
ช่างปั้นจะต้องขึ้นโครงแบบ ก่อนการปั้น
ในการปั้นปูนตำประดับพระอุโบสถ
หรือวิหาร นอกจากการปั้นลวดลายประดับตามฝาผนังเป็นภาพนูนต่ำหรือนูนสูงแล้ว การปั้นภาพที่ต้องการเน้นความโดดเด่น
ความสำคัญให้มีมากขึ้น จึงใช้การปั้นภาพเป็นแบบลอยตัว
การปั้นภาพลักษณะลอยตัว
เป็นการปั้นภาพให้เห็นได้เป็น ๓ มิติ คือ ความกว้าง ความยาว ความหนา มองเห็นได้รอบทิศทาง
นิยมปั้นประดับตามบริเวณต่างๆ ของอาคาร เช่น การปั้นพระพุทธรูปและสาวก เทพารักษ์
ยกเฝ้าประตูทางเข้าออก หรือปั้นภาพพญานาค สิงห์ และสัตว์อื่นๆ ประดับอยู่ตามมุม
หรือเชิงบันไดทางขึ้นลงพระอุโบสถหรือ วิหาร เป็นต้น
(พิจิตร
นิ่มงาม, 2550) ( มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี, 2560)
ภาพการปั้นแบบนูนต่ำ นูนสูง |
ภาพ การปั้นแบบนูนต่ำ นูนสูง |
ภาพ การปั้นแบบนูนต่ำ นูนสูงผ่านการลงสี |
2.2.
ภาพติดผนัง ภาพนูนต่ำ (แบบนูนต่ำ
นูนสูง)
ช่างปั้นต้องออกแบบเขียนลายในกระดาษ เพื่อดูรูปแบบและเค้าโครงก่อน
ส่วนมากจะพบเห็นบนพื้นผนังที่เป็นพื้นเรียบ
ในการปั้นปูนตำเป็นลักษณะนูนต่ำนี้ จะปั้นปูนเป็นภาพ หรือลวดลายแนบติดกับพื้นสม่ำเสมอกันไปตลอดทั้งภาพ
ขอบภาพหรือขอบลายจะแนบเนียนสนิทกับพื้นภาพ การปั้นภาพลักษณะนูนต่ำนี้
เนื้อปูนที่ปั้นจะมีความบาง ไม่หนา น้ำหนักปูนที่ปั้นพอกจึงมีไม่มาก
ไม่ต้องปั้นหุ่นขึ้นโครง จึงไม่มี กรรมวิธีการโกลนหุ่น หรือเตรียมการซับซ้อนมากนัก
ช่างปั้นสามารถปั้นปูนตำเป็นรูปลักษณะตามแบบได้เลย
วัตถุประสงค์อย่างหนึ่งของการปั้นแนบพื้นแบบนูนต่ำนี้
เป็นเพราะต้องการให้พื้นที่งานปั้นนั้น ยึดติดกับพื้นผนังได้มั่นคงแข็งแรง
การปั้นชนิดนี้จึงมี ลักษณะเป็นการปั้นแบบนูนต่ำ ในการปั้นปูนลักษณะนูนสูง
เป็นการปั้นที่ยกลอยสูงพ้นพื้นขึ้นมามาก แต่พื้นที่ส่วนใหญ่จะต้องยึดติดกับผิวพื้น
เช่นการ ปั้นรูปเทวดา มนุษย์ หรือสัตว์ ส่วนที่เป็นลำคอ
ลําตัว โคนขาจะปั้นยึดแน่นแข็งแรงกับพื้นผนัง ส่วนที่เป็นศีรษะ แขน ขา มือ เท้า
จะปั้นยกสูงจนบางครั้งเกือบเป็นลอยตัวก็มี และในการปั้นนูนต่ำกับนูนสูงผสมผสานกัน
จะได้ผลงานการปั้นที่สวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง เช่น มีทั้งตัวภาพและตัวลาย
นิยมเน้นความสําคัญการปั้นตัวภาพให้มีความสูง ความหนามากกว่าตัวลาย (พิจิตร
นิ่มงาม, 2550) ( มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี, 2560)
ภาพ การโกลนปูน |
3.การโกลนปูน การปั้นปูนด้วยปูนตำหรือปูนเพชรนั้นช่างจะต้องออกแบบเขียนลายลงใน
กระดาษเพื่อดูรูปแบบเค้าโครงชั้นหนึ่งก่อนเมื่อช่างปั้นร่างแบบแล้ว
จะเขียนลายไว้หยาบๆ หรือบางครั้งจะ เขียนลายพร้อมการปั้นปูนไปด้วย
เมื่อร่างลายแล้วช่างจะนำปูนซีเมนต์ปั้นพอก (ถือปูน) ไปตามรูปแบบที่ร่างไว้ ( มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี, 2560)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น